นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

1

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท ซันไชน์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตระหนักถึงความสำคัญในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้จัดทำนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data Protection Policy) ขึ้น เนื่องจากเป็นพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นรากฐานในการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ที่น่าเชื่อถือกับลูกค้า คู่ค้า ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ บริษัทจึงยึดมั่นในการปฏิบัติตามกฎหมาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎเกณฑ์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง

โดยนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อให้มีวิธีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และมีมาตรฐานรักษาความปลอดภัย การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า คู่ค้า และผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่นการเก็บรวบรวม การเก็บรักษา การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้เจ้าของข้อมูลได้รับทราบถึงนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท  โดยประกาศนโยบายดังต่อไปนี้

  • คำนิยาม
    • บริษัท หมายถึง บริษัท ซันไชน์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (สำนักงานใหญ่และสาขา)
    • เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งบริษัทมีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    • คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้น โดยมีหน้าที่และอำนาจกำกับดูแล ออกหลักเกณฑ์ มาตรการ หรือข้อปฏิบัติอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
    • ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวข้องกับบุคคลที่สามารถระบุตัวตนได้ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 และที่มีแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ไม่รวมข้อมูลของผู้ที่ถึงแก่กรรม
    • ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดที่กระทบต่อเจ้าของข้อมูลซึ่งอาจนำไปสู่การถูกเลือกปฏิบัติ
    • ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการรวบรวม จัดเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    • ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ผู้ซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับรวบรวม จัดเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
    • ข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ หมายถึง ข้อมูลที่ผ่านกระบวนการจัดทำข้อมูลนิรนามแล้ว
  • การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
          การจัดเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจะกระทำโดยมี วัตถุประสงค์ ขอบเขต และใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม โดยการเก็บรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอย่างจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการให้เจ้าของข้อมูล รับรู้ ให้ความยินยอม ตามแนวปฏิบัติที่บริษัทกำหนด กรณีที่บริษัทจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของเจ้าของข้อมูล บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยชัดแจ้งก่อนทำการเก็บรวบรวม เว้นแต่การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวจะเข้าข้อยกเว้นตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมายอื่นกำหนดไว้ 
  • คุณภาพของข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บ

ข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บ บริษัทจะคำนึงถึงความถูกต้อง เหมาะสม มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม มีการจัดการความเสี่ยง รวมถึงการสร้างจิตสำนึกความรับผิดชอบในด้านความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล 

  • วัตถุประสงค์ในการรวบรวม จัดเก็บ หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
          บริษัทจะทำการเก็บรวบรวม หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของบริษัท เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง การทำสัญญา การทำธุรกรรมทางการเงิน การดำเนินกิจกรรมบริษัท การติดต่อประสานงานต่าง ๆ หรือเพื่อปรับปรุงคุณภาพการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การวิเคราะห์และพัฒนากระบวนการดำเนินงานของบริษัท และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย และหรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินงานของบริษัท โดยบริษัทจะจัดเก็บและใช้ข้อมูลดังกล่าวตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูล หรือตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น บริษัทจะไม่กระทำการใด ๆ แตกต่างจากที่ระบุในวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูล เว้นแต่
    • ได้แจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ให้แก่เจ้าของข้อมูลทราบ และได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
    • เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
  • การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไปให้บุคคลใดโดยปราศจากความยินยอม และจะเปิดเผยตามวัตถุประสงค์ที่ได้มีการแจ้งไว้ อย่างไรก็ดี เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานของบริษัทและการให้บริการแก่เจ้าของข้อมูล บริษัทอาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ให้แก่บริษัทในเครือ(สาขา) หรือบุคคลอื่นทั้งในและต่างประเทศ เช่น ผู้ให้บริการต่าง ๆ ที่ต้องดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล โดยในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการให้บุคคลเหล่านั้นเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นความลับและไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากขอบเขตที่บริษัทได้กำหนดไว้ นอกจากนี้

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด เช่น การเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย เช่น การร้องขอข้อมูลเพื่อการฟ้องร้องหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือการร้องขอจากหน่วยงานเอกชน หรือบุคคลภายนอกอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย เป็นต้น

  • การเก็บรักษา ระยะเวลา และความมั่นคงปลอดภัย

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามความจำเป็นในระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทตั้งไว้ และกำหนดให้มีมาตรการต่างๆในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และแนวปฏิบัติด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่พนักงานบริษัทและผู้ที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนและส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้และตระหนักถึงหน้าที่รับผิดชอบในการรวบรวม จัดเก็บ ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามที่บริษัทกำหนดไว้ เพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามนโยบายและกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ หากฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษขั้นรุนแรง และต้องมีการทบทวน ปรับปรุงมาตรการ เมื่อพบว่ามีความเสี่ยง หรือมีความไม่สอดคล้อง เพื่อป้องกันการละเมิด และถ้ามีการละเมิดต้องแจ้งคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลภายใน 72 ชั่วโมง

  • สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือการมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
                    เจ้าของข้อมูลสามารถดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้
    • การเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ให้ความยินยอมไว้
    • การเข้าถึงข้อมูลและสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้บริษัทเปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    • การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในรูปแบบอิเล็คทรอนิคส์ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
    • คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน
    • ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้
    • ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
    • แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
    • ร้องเรียนคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่เราหรือผู้ประมวล

ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลสามารถขอใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นได้ โดยยื่นคำร้องขอใช้สิทธิต่อบริษัทเป็นลายลักษณ์อักษรหรือผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ตามแบบฟอร์มที่บริษัทกำหนด ผ่าน “ช่องทางการติดต่อของบริษัท” ด้านล่าง โดยบริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องฯ ของเจ้าของข้อมูล ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องฯ ดังกล่าว ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธสิทธิของเจ้าของข้อมูลได้ในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดไว้ และหากเจ้าของข้อมูลเห็นว่า ข้อมูลส่วนบุคคลใดที่เกี่ยวกับตนไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริง สามารถแจ้งให้บริษัทแก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือลบข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนนั้นได้ โดยบริษัทจะจัดทำบันทึกคำคัดค้านการจัดเก็บ ความถูกต้อง หรือการกระทำใด ๆ เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นหลักฐานด้วย ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเสียชีวิต เมื่อมีคำสั่งจากศาลบริษัทจะอนุญาตให้ผู้สืบสิทธิ์ และ/หรือทายาทโดยชอบธรรม มาแจ้งความประสงค์ขอข้อมูลส่วนบุคคลได้

  • ความรับผิดชอบของบุคคลซึ่งทำหน้าที่ควบคุมข้อมูล
  • บริษัทมีระเบียบ คำสั่ง ให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลปฏิบัติหน้าที่ตาม ระเบียบ คำสั่ง ที่กำหนดไว้ เพื่อให้การดำเนินงานตามแนวนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามมาตรฐานของประกาศฉบับนี้ ผู้ควบคุมข้อมูลมีหน้าที่ปฏิบัติตามนโยบายเรื่องการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลสารสนเทศของบริษัทด้วย

    • ช่องทางการติดต่อ และการเปิดเผยเกี่ยวกับการดำเนินการ แนวปฏิบัติ และนโยบายที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
    • บริษัทมีนโยบายปฏิบัติตามกฏหมายรวมถึงประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิในความเป็นส่วนตัวและกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงออกมาตรการในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัท จะเปิดเผยนโยบาย และแนวทางปฏิบัติการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ช่องทางสื่อสาร และติดต่อในการขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล และการร้องเรียน ดังนี้

      บริษัท ซันไชน์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
      43/20-22 ถ.ลำลูกกา ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 12130
      โทรศัพท์: 66 (0) 2 533 7199 , 2 994 9970 โทรสาร: 66 (0) 2 533 7455
      เว็บไซท์ : www.sunshine-th.com\pdpa
      อีเมล์ : ceo_office@sunshine.co.th
      2

      นโยบายความเป็นส่วนตัวในการใช้ระบบกล้องวงจรปิด

      บริษัทซันไชน์อินเตอร์เนชั่น จำกัด หรือ “เรา” ผู้ใช้อุปกรณ์กล้องวงจรปิด (CCTV) ในการเฝ้าระวังสังเกตการณ์พื้นที่ภายในอาคารสถานที่ (“พื้นที่”) ของเรา เพื่อการปกป้องชีวิต และทรัพย์สิน ทั้งนี้ เราทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน ผู้บริหาร ลูกค้า ผู้รับจ้าง ลูกจ้าง ผู้มาติดต่อ หรือบุคคลใด ๆ ทั้งหมดที่เข้ามาในพื้นที่ที่มีการเฝ้าระวัง ทั้งภายในอาคาร และบริเวณโดยรอบ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกกันว่า “ท่าน”) ที่เข้ามายังพื้นที่ โดยผ่านการใช้งานอุปกรณ์กล้องวงจรปิดดังกล่าว นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลที่สามารถทำให้สามารถระบุตัวท่านได้ (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) รวมทั้งสิทธิต่าง ๆ ของท่าน ดังนี้

      ฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

      เราดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานทางกฎหมายดังต่อไปนี้

      1. ความจำเป็นในการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น
      2. ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเราหรือบุคคลอื่น โดยประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
      3. ความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งควบคุมดูแลเกี่ยวกับความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงาน และทรัพย์สินของเรา

      วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

      เราดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้

      1.เพื่อการปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยส่วนตัวของท่าน ซึ่งรวมไปถึงทรัพย์สินของท่าน
      2.เพื่อการปกป้องอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกและทรัพย์สินของเราจากความเสียหาย การขัดขวาง การทำลายซึ่งทรัพย์สินหรืออาชญากรรมอื่น
      3.เพื่อสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อการยับยั้ง ป้องกัน สืบค้น และ ดำเนินคดีทางกฎหมาย
      4.เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการระงับข้อพิพาทซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่มีกระบวนการทางวินัยหรือกระบวนการร้องทุกข์
      5.เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการสอบสวน หรือ กระบวนการเกี่ยวกับการส่งเรื่องร้องเรียน
      6.เพื่อการให้ความช่วยเหลือในกระบวนการริเริ่มหรือป้องกันการฟ้องร้องทางแพ่ง ซึ่งรวมไปถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการดำเนินการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน

      ข้อมูลส่วนบุคคลที่เราเก็บรวบรวมและใช้

      ตามวัตถุประสงค์ตามที่ได้แจ้งในข้อ 2. เราทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดในตำแหน่งที่มองเห็นได้ โดยจะจัดวางป้ายเตือนว่ามีการใช้งานกล้องวงจรปิด ณ ทางเข้าและทางออก รวมถึงพื้นที่ที่เราเห็นสมควรว่าเป็นจุดที่ต้องมีการเฝ้าระวัง เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อท่านเข้ามายังพื้นที่ได้แก่ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง ภาพทรัพย์สินของท่าน เช่น ยานพาหนะ กระเป๋า หมวก เครื่องแต่งกาย เป็นต้น ทั้งนี้ เราจะไม่ทำการติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่ที่อาจล่วงละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของท่านจนเกินสมควร ได้แก่ ห้องพัก ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ หรือสถานที่เพื่อใช้ในการพักผ่อนของผู้ปฏิบัติงาน

      การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

      เราจะเก็บรักษาข้อมูลในกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวกับท่านไว้เป็นความลับ และจะไม่ทำการเปิดเผย เว้นแต่ กรณีที่เรามีความจำเป็นเพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการเฝ้าระวังสังเกตการณ์ตามที่ได้ระบุในประกาศฉบับนี้ เราอาจเปิดเผยข้อมูลในกล้องวงจรปิดแก่ประเภทของบุคคลหรือนิติบุคคล ดังต่อไปนี้

      1. หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อช่วยเหลือ สนับสนุนในการบังคับใช้กฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการสืบสวน สอบสวน หรือการดำเนินคดีความต่าง ๆ
      2. ผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เพื่อความจำเป็นในการสร้างความมั่นใจในเรื่องการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพ รวมทั้งทรัพย์สินของท่านหรือบุคคลอื่น

      สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ของท่าน

      พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความควบคุมของท่านได้มากขึ้น โดยท่านสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

      1. สิทธิในการเข้าถึง รับสำเนา และขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่เราเก็บรวบรวมอยู่ เว้นแต่กรณีที่เรามีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
      2. สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
      3. สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้

      3.1. เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่เราทำการตรวจสอบตามคำร้องขอของท่านให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน

      3.2. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

      3.3. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์เราได้แจ้งไว้ในการเก็บรวบรวม แต่ท่านประสงค์ให้เราเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมายของท่าน

      3.4. เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่เรากำลังพิสูจน์ให้ท่านเห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่ท่านได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

      4. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่กรณีที่เราเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น เราสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะตามภารกิจของเรา)

      ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

      บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกล้องวงจรปิดในระบบของบริษัทเป็นระยะเวลาที่จำเป็นต่อการดำเนินการตามหน้าที่เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ระบุในนโยบายนี้ เมื่อบริษัทไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายให้เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกล้องวงจรปิดอีกต่อไป บริษัทจะทำการลบข้อมูลออกจากระบบและบันทึกของบริษัท อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีการดำเนินการทางศาลหรือทางวินัย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากกล้องวงจรปิดอาจถูกเก็บไว้จนกว่าจะสิ้นสุดการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงระยะเวลาที่เป็นไปได้ในการยื่นอุทธรณ์ หลังจากนั้นข้อมูลจะถูกลบหรือเก็บถาวรตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด

      การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล

      เรามีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม ทั้งในเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ลบ ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Policy) ของเรา

      นอกจากนี้ เราได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยเราได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม

      ความรับผิดชอบของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

      เราได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่เฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยเราจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด

      การเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว

      ในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ เราอาจพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทาง http://www.sunshine-th.com\pdpa หรือ QR Code ที่ป้อม รปภ. หรือโต๊ะตูทางเข้าสำนักงาน และโรงงาน โดยมีวันที่ของเวอร์ชันล่าสุดกำกับอยู่ตอนท้าย อย่างไรก็ดี เราขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะเข้ามาในพื้นที่ของเรา การเข้ามาในพื้นที่ของท่าน ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้ ทั้งนี้ โปรดระงับการเข้าพื้นที่ หากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ หากท่านยังคงเข้ามาในพื้นที่ต่อไปภายหลังจากที่ประกาศนี้มีการแก้ไขและนำขึ้นประกาศในช่องทางข้างต้นแล้ว จะถือว่าท่านได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว

      การติดต่อสอบถาม

      หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อได้ที่

      บริษัท ซันไชน์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
      43/20-22 ถ.ลำลูกกา ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 12130
      โทรศัพท์ : 66 (0) 2 533 7199 , 2 994 9970 โทรสาร: 66 (0) 2 533 7455
      เว็บไซท์ : www.sunshine-th.com\pdpa
      อีเมล์ : it@sunshie-th.com
      3

      นโยบายการใช้คุกกี้

      บริษัทซันไชน์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีการใช้งานคุกกี้บนเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้เราพัฒนาระบบเว็บไซต์ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้เยี่ยมชมได้อย่างดียิ่งขึ้นโดยนโยบายคุกกี้นี้จะอธิบายถึงการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผย ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมผ่านการใช้งานคุกกี้ ตลอดจนแนวทางการบริหารจัดการคุกกี้ และสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

      คุกกี้คืออะไร

      คุกกี้ คือ ไฟล์ข้อความขนาดเล็กที่จัดเก็บอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ เมื่อมีการเข้าสู่เว็บไซต์ และ ในแต่ละครั้งที่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์เข้าสู่หน้าใดของเว็บไซต์ก็ตาม ข้อมูลในคุกกี้ จะถูกส่งกลับไปยังระบบเว็บไซต์เพื่อประมวลผล หรือ ถูกส่งต่อไปยังเว็บไซต์อื่นๆ ที่รองรับการทำงานของคุกกี้นั้นได้ คุกกี้มีประโยชน์ในการช่วยให้ระบบเว็บไซต์ สามารถจดจำอุปกรณ์ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ เพื่อให้บริการที่เหมาะสมกับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ มากยิ่งขึ้น คุกกี้ สามารถทำงานได้หลากหลายแบบ เช่น ช่วยให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้รับประสบการณ์ที่เหมาะสมในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ สำหรับแต่ละอุปกรณ์ จดจำสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ชื่นชอบ และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์

      ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวมผ่านการใช้งานคุกกี้

      เมื่อท่านเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่างๆ ของท่านโดยอัตโนมัติผ่านการใช้งานคุกกี้ดังต่อไปนี้

      1) ข้อมูลจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของท่าน เช่น เลขที่อยู่ไอพีหรืออินเทอร์เน็ตโพรโทคอล (IP address) ประเภทและเวอร์ชั่นของเบราว์เซอร์ (Browser) การตั้งค่าเขตเวลา (Time zone setting) และข้อมูลพิกัดทางภูมิศาสตร์ (GPS) พิกเซล (Pixel)

      2) ข้อมูลการใช้งาน เช่น ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานของท่านบนเว็บไซต์ (รวมถึง เนื้อหาที่ท่านเข้าชม สินค้า บริการ เพจ หรือลิงค์ที่ท่านคลิ๊กเพื่อดูหรือดาวน์โหลด ประวัติการค้นหา) วันที่และเวลาที่มีการใช้งานเว็บไซต์ ระยะเวลาที่ใช้บนเว็บไซต์

      บริษัทใช้งานคุกกี้อย่างไร

      1) คุกกี้ที่จำเป็นต่อการใช้งานเว็บไซต์ คุกกี้ประเภทนี้ มีความสำคัญ ในการทำให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ สามารถใช้งานเว็บไซต์ และ ฟังก์ชั่นต่างๆ บนเว็บไซต์ของเราได้ รวมถึงช่วยให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ สามารถเข้าถึงข้อมูล และ ใช้เว็บไซต์ ได้อย่างปลอดภัย หากไม่มีคุกกี้ประเภทนี้ เว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ รวมทั้งผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ จะไม่สามารถใช้บริการบางอย่างบนเว็บไซต์ได้

      2) คุกกี้ที่ใช้ประมวลผลสถิติและวิเคราะห์การใช้งานเว็บไซต์ คุกกี้ประเภทนี้ ใช้สำหรับประมวลผลการดำเนินงานของเว็บไซต์ เพื่อให้ระบบเว็บไซต์ เข้าใจถึงความสนใจของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ เช่น การนับจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ การนับจำนวนหน้าที่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์เข้าใช้งาน การประมวลผลความสนใจและพฤติกรรมการเยี่ยมชมเว็บไซต์ โดยทางเว็บไซต์จะใช้ข้อมูลดังกล่าว เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ ให้สามารถใช้งานเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น

      3) คุกกี้ที่ใช้สำหรับการตลาดออนไลน์ คุกกี้ประเภทนี้จะถูกใช้งานเพื่อเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ และ ลิงก์ที่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์มีการเข้าถึงหรือเยี่ยมชม เพื่อให้เข้าใจในความสนใจและพฤติกรรมการเยี่ยมชมเว็บไซต์ ของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ และ ใช้ในการนำเสนอสิทธิประโยชน์ โฆษณา และ ประชาสัมพันธ์ ให้เหมาะสมกับความสนใจของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์มากที่สุด

      การตั้งค่าและการปฏิเสธคุกกี้

      ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ สามารถเลือกทำการปฎิเสธการทำงานของคุ้กกี้ ได้ตามความต้องการ โดยสามารถตั้งค่าเว็บบราวเซอร์ หรือ ค่าความเป็นส่วนตัวของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ ด้วยการปฏิเสธการทำงานของคุ้กกี้ทั้งหมด แต่ทั้งนี้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ จะไม่สามารถใช้งานบางฟังก์ชั่นบนเว็บไซต์ได้ และ อาจจะทำให้การใช้งานเว็บไซต์ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร นอกจากการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวบนอุปกรณ์ หรือ เว็บบราวเซอร์โดยตรงแล้ว ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ ยังสามารถปฏิเสธคุกกี้ผ่านทางหน้าต่างแจ้งเตือนบนหน้าเว็บไซต์ได้อีกด้วย แต่ถ้าหากผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ปฏิเสธการใช้งานคุกกี้ทั้งหมด ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ จะไม่สามารถใช้งานบางฟังก์ชั่นบนเว็บไซต์ได้ และ อาจจะทำให้ประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

      ข้อตกลงการใช้บริการเว็บไซต์

      ในการใช้บริการเว็บไซต์ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ รับทราบว่าเว็บไซต์จะมีการใช้งานคุกกี้ประเภทต่างๆ เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ข้างต้น และระบบเว็บไซต์ อาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคุกกี้ดังกล่าว เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ระบุไว้ในประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์ หากเว็บไซต์มีการเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าบุคคลดังกล่าวอาจมีนโยบายการใช้คุกกี้ของตนเอง เราขอแนะนำให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ทุกท่าน อ่านนโยบายการใช้คุกกี้ของบุคคลดังกล่าวก่อนการใช้งานเว็บไซต์เหล่านั้น

      มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย

      สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวมผ่านการใช้งานคุกกี้ บริษัทได้จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันด้านการบริหารจัดการ มาตรการป้องกันด้านเทคนิค และมาตรการป้องกันทางกายภาพ ในเรื่องการเข้าถึงหรือควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อธำรงไว้ซึ่งความลับ ความถูกต้องครบถ้วน และสภาพความพร้อมใช้งานของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้ เป็นไปตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด

      ติดต่อสอบถาม

      หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อได้ที่

      บริษัท ซันไชน์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
      43/20-22 ถ.ลำลูกกา ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 12130
      โทรศัพท์: 66 (0) 2 533 7199 , 2 994 9970 โทรสาร: 66 (0) 2 533 7455
      เว็บไซท์ : www.sunshine-th.com\pdpa
      อีเมล์ : it@sunshie-th.com